บทที่ 12 หลันฮวา
เมื่อพ้นสายตาของชาวบ้าน สิ่งมีชีวิตที่อยู่ในป่าเหมือนจะรู้การมาถึงของซูเจิน ต่างโผล่หน้าออกมามองนางอย่างสนใจ
ซูเต๋อจ้องมองไปรอบๆ อย่างประหลาดใจ เพียงแค่ป่าชั้นนอกไม่รู้ว่าสัตว์ป่ามากมายมาจากไหน ตอนนี้เขาไม่รู้เลยว่าควรยกธนูในมือขึ้นมาเล็งหรือไม่
“พ่อ” เสียงของซูเจินดังขึ้น มือน้อยสะกิดอยู่ที่บ่าของเขา
“มีอันใดหรือลูก”
“ลง” ซูเจินชี้ไปที่พื้น นางต้องการให้เขาวางนางลง
ซูเต๋อจึงได้ปลดตะกร้าออกจากหลัง แล้วอุ้มบุตรสาวออกมา เขามองไปรอบๆ อีกครั้ง เพื่อดูว่ามีชาวบ้านอยู่ใกล้ๆ หรือไม่
เมื่อเห็นว่าไม่มีผู้ใดนอกจากพวกเขา จึงได้หันมาสนใจบุตรสาวตัวน้อยต่อ
ซูเจินรู้ว่าบิดาคงอยากเข้าป่ามาล่าสัตว์เช่นที่เขาเคยทำก่อนไปเข้ากองทัพ แต่นางไม่อยากให้เอาชีวิตพวกเขา เพื่อนำไปแลกเงินทอง
“เจ้าเคยเห็นของที่ไปขายได้เงินเยอะๆ หรือไม่” นางลูบขนลูกหมูป่าที่อยู่ตรงหน้าของนาง โดยมีแม่หมูป่ายื่นมองอยู่ไม่ไกล
“ตามข้ามาขอรับ แต่ไม่รู้ว่าสิ่งนี้จะขายได้เงินหรือไม่” ลูกหมูป่าวิ่งไปที่แม่ของมันทัน
สัตว์ตัวอื่นมองมันอย่างอิจฉาที่ถูกซูเจินนางสัมผัส
“ตาม ตาม” ซูเจินชี้นิ้วสั้นๆ ของนางไปที่ลูกหมูป่า เพื่อให้บิดารีบตามมันไป
ซูเต๋อเข้าใจความหมายของบุตรสาว รีบอุ้มตัวนางขึ้น แล้ววิ่งตามไปทันที
ลูกหมู่ป่าเหมือนได้รับภารกิจที่ยิ่งใหญ่ มันรีบวิ่งไปที่ถ้ำที่อยู่ป่าชั้นกลาง ที่มันอาศัยอยู่กับครอบครัวจองมันทันที
ซูเต๋อตามไปห่างๆ เพราะยังกลัวว่าแม่หมูป่าตัวใหญ่จะหันกลับมาเล่นงานพวกเขาตอนที่ไม่ระวังตัว พอมาหยุดอยู่ที่หน้าถ้ำ เขาก็ต้องประหลาดใจ เพราะเขาไม่เคยเข้ามาลึกเพียงนี้สักครั้ง และไม่รู้ว่าด้านในมีอะไร
“ลง ลง” ซูเจินรีบตบที่บ่าของซูเต๋อ เมื่อสายตาของนางเหลือบไปเห็นดอกไม้ที่นางพบที่ป่าเหอหนานตอนที่เข้าไปกับทีมสำรวจ
“นายหญิง ของท่านเจ้าค่ะ” เสี่ยวมี่บินเข้ามาอยู่ข้างหูของซูเจินแล้วบอกนาง
“ข้าไม่เข้าใจ”
“หลันฮวา (ดอกกล้วยไม้) ดอกนี้ในยุคของท่านหายสาบสูญไปนานแล้วเจ้าค่ะ ในป่าแห่งนี้ก็คงเหลือเพียงดอกเดียวเท่านั้น”
“เสียดายนัก มันสวยมาก” ซูเจินเอื้อมมือออกไปลูบที่กลีบดอกเบาๆ
แสงสว่างเช่นตอนที่นางพบก่อนที่จะมาภพนี้ก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง
ภาพตรงหน้าของซูเจินแปลกไป นางมองไปรอบๆ อย่างตื่นตระหนก แต่ตัวนางยังเป็นเด็กอยู่เช่นเดิม เพียงแต่นางสามารถเดินไปอย่างคล่องแคล่ว ทั้งยังพูดได้ชัดเจน
แต่ก่อนที่นางจะสงสัยไปมากกว่านี้ ก็มีทูตตัวน้อยปรากฏตรงหน้านาง
“คารวะนายหญิงแห่งมิติ”
“ข้ารึ” ซูเจินชี้ไปที่ตัวนาง
“เจ้าค่ะ ข้าคือทูตที่ดึงตัวท่านมาที่มิตินี่”
“เจ้าจะบอกว่า เจ้าคือดอกไม้ดอกนั้นรึ”
“เจ้าค่ะ”
“แล้วเจ้าพาข้ามาเพื่ออันใด”
“อีกไม่กี่ปีข้างหน้า แคว้นต้าเยี่ยนจะเกิดภัยแล้ง ต้นไม้เกือบทั้งหมดจะตายลง สัตว์ป่าไม่มีที่อยู่อาศัย ต่างล้มตาย สูญพันธุ์ จนสิ้น มีเพียงท่านที่มองเห็นข้า ข้าจึงได้พาท่านมาช่วยเจ้าค่ะ”
“แล้ว แล้วข้าจะทำได้หรือ”
“มือของท่านมีความลับมากกว่าที่ท่านรู้ ท่านไม่เพียงสื่อสารกับสัตว์ทุกชนิดได้ แต่มือของท่านจะช่วยฟื้นต้นไม้ที่ตายให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง”
“สวรรค์ นี่มันเรื่องอะไรกัน” ซูเจินก้มลงมองมือของนาง
“ท่านมี เสี่ยวเตี๋ย เสี่ยวมี่ เสี่ยวอี่อยู่ข้างกายท่าน ข้าจะอยู่ดูแลมิติของท่านให้เจ้าค่ะ”
“แล้วในมิติ คือสิ่งใด” ซูเจินยังไม่เข้าใจในสิ่งที่ทูตน้อยบอกนาง
“ด้านในจะมีสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อท่าน ตอนนี้ท่านอาจจะยังไม่เข้าใจ แต่เมื่อท่านเติบโตขึ้น มิติจะเปลี่ยนแปลงตามช่วงอายุของท่านเจ้าค่ะ”
“เอ่อ ข้าเข้ามาด้านในเช่นนี้ แล้วด้านนอกเล่า ท่านพ่อท่านแม่ข้าคงตกใจไม่น้อย ข้าว่าข้าควรจะออกไปได้แล้ว”
“ได้เจ้าค่ะ หลันฮวาจะพาท่านออกไป”
ซูเจินรู้สึกเขินอายไม่น้อยที่นางไม่ได้ถามนางของทูตน้อย จนนางต้องพูดนามของนางออกมาเอง
“ข้าไม่ได้ตั้งใจ ที่จะลืมถามนามของเจ้า เพียงแต่ข้ายังตกใจไม่หาย”
“มิเป็นไรเจ้าค่ะ หลันฮวาเข้าใจ” นางก้มหัวลงให้ซูเจิน ก่อนจะส่งนางออกไปจากมิติ
ซูเต๋อกับจิ่วเม่ยตกใจไม่น้อยที่เห็นบุตรสาวของตนเองหายไปต่อหน้าต่อหน้า แล้วตอนนี้ทั้งคู่ยังไม่รู้ว่านางไปที่ไหน หายไปได้อย่างไร
รอเพียงชั่วจิบชา ซูเจินนางก็ปรากฏตัวออกมาด้านนอกอีกครั้ง ในตำแหน่งเดิน ซูเต๋อวิ่งเข้าไปอุ้มบุตรสาวเข้ามากอดไว้กับอกทันที
กว่าซูเต๋อและจิ่วเม่ยจะหายจากอาการตื่นตระหนกได้ก็ผ่านไปเกือบชั่วยาม ที่ทั้งสองต้องออกตามหาบุตรสาวที่หายไป
“พ่อ”
“แม่”
ซูเจินตะโกนเรียกบิดากับมารดาของนาง ซูเต๋อที่ได้ยินก่อนก็รีบวิ่งกลับมาอย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งอุ้มซูเจินเข้ามากอดไว้แน่น
“เจินเออร์ เจินเออร์ของพ่อ” เขาพึมพำออกมาด้วยความหวาดกลัว
“เจ้าหายไปที่ใดมา” เขากระซิบถามบุตรสาวด้วยเสียงที่สั่นเทา
“ติ ติ” ซูเจินไม่รู้ว่าจะสื่อสารเช่นใดพ่อของนางถึงจะเข้าใจ ซูเต๋อก็งงไม่น้อยกับคำพูดของซูเจิน
เมื่อเห็นจิ่วเม่ยกลับมาถึงที่ที่สองคนพ่อลูกอยู่แล้ว ซูเจินจึงชี้เข้าไปที่ปากถ้ำ
“เข้า เข้า”
“ได้ แต่เจ้าต้องอยู่กับพ่อตลอดเข้าใจหรือไม่” ซูเต๋อยังกลัวเรื่องที่ซูเจินนางหายไปต่อหน้าต่อตาเขาไม่หาย ซูเจินพยักหน้าจนแก้มของนางสั่นสะเทือน
